รายละเอียดชัดเจนสำหรับการขายคอนโดที่คุณต้องรู้

ชาวต่างชาติและนิติบุคคลต่างประเทศได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของห้องชุดในประเทศไทยในนามของตนเอง แต่โปรดจำไว้ว่านี่หมายถึงกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุดที่จดทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติอาคารชุดของประเทศไทย อาคารที่พักอาศัยบางแห่งในประเทศไทยไม่ได้จดทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติอาคารชุด ขายคอนโดที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นที่รู้จักทั่วไปในพื้นที่การท่องเที่ยวของประเทศไทยและชาวต่างชาติมักไม่ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างอาคารชุดที่จดทะเบียนภายใต้คอนโดมิเนียมและหน่วยในขายคอนโดที่ไม่ได้จดทะเบียน

ทั้งสองอาคารและหน่วยงานอาจมีลักษณะเหมือนกันอย่างไรก็ตามในกรณีขายคอนโดที่ไม่ได้จดทะเบียนการคุ้มครองตามกฎหมายจะถูก จำกัด เมื่อเทียบกับการคุ้มครองที่เสนอให้กับเจ้าของและผู้ซื้อภายใต้พระราชบัญญัติคอนโดมิเนียมและอาคารชุดที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้นมีกรรมสิทธิ์ในกรรมสิทธิ์ในกรรมสิทธิ์เหนือหน่วย

ขายคอนโดซึ่งไม่ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติ

อาคารชุดหน่วยงานดังกล่าวไม่มีกรรมสิทธิ์ห้องชุด กรรมสิทธิ์ในห้องชุดไม่แยกจากอาคารโดยรวม และสามารถเช่าได้เฉพาะส่วนหนึ่งของอาคารเท่านั้น อาคารหรืออาคารโดยรวมต้องเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของผู้ซื้อหน่วยทั้งหมดด้วยกัน แต่จะไม่รวมถึงที่ดินที่อาคารยืนอยู่เนื่องจากชาวต่างชาติไม่สามารถเป็นเจ้าของที่ดินในประเทศไทยได้ ขายคอนโดเฉพาะในกรณีของคอนโดมิเนียมที่แท้จริงแต่ละหน่วยมีกรรมสิทธิ์ในกรรมสิทธิ์ในที่ดินและที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันทั้งหมดของเจ้าของอาคารชุด

เอกสารหลักของกรรมสิทธิ์ในคอนโดมิเนียมที่แท้จริงคือ

โฉนดที่ดินที่ออกและบริหารโดยสำนักงานที่ดินในท้องที่ สำนักงานที่ดินในท้องถิ่นมีหน้าที่รับผิดชอบในการโอนกรรมสิทธิ์และการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในอาคารชุด โฉนดในอพาร์ตเมนต์เป็นหลักฐานการเป็นเจ้าของ หลักฐานการเป็นเจ้าของไม่ควรสับสนกับ ในประเทศไทยหรือ ซึ่งเป็นเอกสารอย่างเป็นทางการที่ออกโดยสำนักงานบริหารส่วนท้องถิ่นและมีที่อยู่เต็มรูปแบบและผู้อยู่อาศัยขายคอนโด ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของ ขายคอนโด ในอาคารที่ไม่ได้จดทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติคอนโดมิเนียมหน่วยงานต่างๆอาจมีบ้านหนังสือไทยแยกต่างหาก

แต่ไม่ควรสับสนกับเอกสารกรรมสิทธิ์ การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอาคารชุดโดยชาวต่างชาติภายใต้พระราชบัญญัติอาคารชุดฟรีและข้อ จำกัด หลัก / ข้อกำหนดสำหรับการเป็นเจ้าของต่างประเทศ ขายคอนโดซึ่งไม่ได้จดทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติอาคารชุดหน่วยสามารถเช่าได้เฉพาะส่วนของอาคารเท่านั้นหรือเป็นเจ้าของร่วมกันโดยผู้ซื้อทั้งหมด ทั้งในกรณีเช่าระยะยาว (มากกว่า 3 ปี) สำหรับหน่วยดังกล่าวหรือเป็นเจ้าของร่วมกันในอาคารโดยรวมทั้งหมดโดยผู้ซื้อหน่วยรายนั้นจะต้องจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินในท้องถิ่นซึ่งมีที่ตั้งอยู่ ขายคอนโดมิเนียมที่ไม่ได้ลงทะเบียนต้องได้รับการเตือนเป็นพิเศษ

แนวโน้มในการลงทุนในอาหรับในภาคอสังหาริมทรัพย์

ความมั่งคั่งทางการเงินของกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมันในตะวันออกกลางโดยเฉพาะประเทศในกลุ่มGCC ทั้ง6 ประเทศ ทำให้ประเทศเหล่านี้กลายเป็นตัวแปรสำคัญตัวแปรหนึ่งในเวทีการเงินโลก ภายใต้โอกาสการลงทุนในประเทศที่จำกัดและปัจจัยจากนโยบายการเงินที่ผูกค่าเงินไว้กับเงินดอลลาร์ ซึ่งในยามที่เศรษฐกิจโลกเฟื่องฟูอันเนื่องมาจากการที่สภาพคล่องทางการเงินในรูปของเงินดอลลาร์ไหลท่วมไปทั่วโลก ย่อมทำให้ประเทศเหล่านี้เผชิญข้อจำกัดกับการใช้เงินภายในประเทศ ซึ่งการทะลักเข้าของเงินดอลลาร์ในยามที่ราคาน้ำมันสูงและเศรษฐกิจดีมาก ย่อมเกิดความเสี่ยงของเงินเฟ้อและฟองสบู่ในราคาสินทรัพย์ในประเทศสูงตามไปด้วย

ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุนตะวันออกกลางเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง มีการเติบโตของราคาในระยะยาว อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้ในรูปของรายรับจากค่าเช่าได้ นอกจากนั้นสัญญาเช่ายังสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มค่าเช่าได้ตามความเหมาะสม และเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีตัวตน จับต้องได้ ทำให้นักลงทุนสามารถประเมินคุณสมบัติของสินทรัพย์ทั้งในแง่ของผลตอบแทนและความเสี่ยงง่ายกว่าตราสารกการเงินที่เป็นกระดาษ และไม่สามารถถือเอาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันที่มันคงและมีความน่าเชื่อถือได้ ด้วยความสมดุลระหว่างผลตอบแทนและความมั่นคงทำให้อสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนในภูมิภาคมาก แต่ด้วยสภาพคล่องที่ต่ำจึงทำให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต้องเป็นการลงทุนระยะยาวพอสมควร แต่นักลงทุนจากตะวันออกกลางก็ดูจะไม่มีปัญหาในเรื่องนี้เพราะในแต่ละปีตะวันออกกลางจะมีสภาพคล่องทางการเงินมหาศาลไหลเข้าภูมิภาคจากการส่งออกน้ำมันอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาในการลงทุนระยะยาว

นักลงทุนอาหรับมีการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไปทั่วโลก แต่จุดหมายปลายทางของเงินทุนจากตะวันออกกลางในช่วงที่ผ่านมาจะเน้นไปที่อสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงในเมืองใหญ่ๆที่มีแนวโน้มการเติบโตของค่าเช่าและมูลค่าสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยเมืองเหล่านี้ล้วนตั้งอยู่ในประเทศแถบตะวันตกทั้งสิ้นทั้งในยุโรป สหรัฐฯ และ อังกฤษ ทั้งนี้สาเหตุที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ในตะวันตกมีการพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องนั้นมาจากปัจจัยสำคัญ2 ปัจจัยได้แก่ การเฟื่องฟูของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนจากการปล่อยสินเชื่อมหาศาลในภาคอสังหาริมทรัพย์และต้นทุนการเงินที่ต่ำ ทำให้ผู้คนสามารถจับจองที่อยู่อาศัย สร้างอาคาสำนักงานได้ในต้นทุนที่ถูก อีกทั้งต้นทุนการเงินที่ต่ำยังดึงดูดให้มีการโยกเงินเข้ามาเก็งกำไรในภาคอสังหาริมทรัพย์ในแถบตะวันตกที่มูลตลาดใหญ่โตมากมายอีกด้วย

อีกปัจจัยหนึ่งนอกเหนือจากสภาพแวดล้อมทางการก็คือ การเติบโตของภาคบริการ โดยภาคบริการนั้นจะมีความสามารถในการจ่ายค่าเช่าที่สูงกว่าภาคการผลิต เพราะภาคการผลิตต้องแข่งที่ต้นทุนเป็นหลัก จึงไม่สามารถที่จะทนต่อการแข่งขันแย่งซื้อและจ่ายค่าเช่าในสถานที่แพงๆได้ ภาคบริการในตะวันตกนั้นมีความหลากหลายและมีความสามารถในการแข่งขันดีที่สุดในโลกไม่ว่าจะเป็นภาคการเงิน ภาคการสื่อสารและโทรคมนาคม การตลาด ภาคไอที อุตสาหกรรมสื่อและบันเทิง การแพทย์และสุขภาพ ค้าปลีก หรือการศึกษา เป็นต้น เมื่อแนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจอิงไปยังภาคบริการ ทำให้ความต้องการอาคารสำนักงานที่อยู่ในตำแหน่งที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ และใกล้แหล่งของกำลังซื้อได้รับความนิยมและมีความต้องการสูง

แต่ดูเหมือนว่าการแตกตัวของฟองสบู่การเงินจนก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจไปทั่วโลกมากมายมหาศาลในรอบกว่า80 ปี นับแต่วิกฤต The Great Depression ในปี1929จะทำให้การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ถูกกระทบไปมาก ทั้งจากการที่นักลงทุนซึ่งรวมถึงทุนอาหรับด้วย มีการเทขายสินทรัพย์ออกมามากมาย และการที่ราคาน้ำมันร่วงลงมาและประเทศเจ้าของเงินทุนอย่างอาหรับเองต้องมาเผชิญฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์ในบ้านตัวเอง โดยเฉพาะทุนดูไบ ย่อมชะลอกระแสเงินและส่งผลต่อราคาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน

แต่วิกฤตการเงินที่โยกย้ายจากสหรัฐฯมาเป็นที่ยุโรปนั้นกลับทำให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางอย่างสำคัญในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นได้ทำให้อสังหาริมทรัพย์ในยุโรปดูน่าสนใจขึ้นในสายตานักลงทุนอาหรับ โดยขณะที่ประเทศในกลุ่มยูโรเผชิญความเสี่ยงที่ทั้งธนาคารและรัฐบาลอาจล้มละลายได้ในพริบตา ประเทศอย่างอังกฤษกลับดูน่าสนใจทันตาเห็น จากการที่ธนาคารในอังกฤษและรัฐบาลอังกฤษเองมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดขำระหนี้ต่ำกว่า ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์และเริ่มนิ่งมากขึ้น ทำให้สินทรัพย์ในอังกฤษดูน่าสนใจมากกว่า นอกจากนั้นหากดูอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสำคัญจะพบว่า เงินปอนด์ของอังกฤษแข็งค่าอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินยูโร สะท้อนให้เห็นถึงกระแสเงินที่ไหลมาจากภาคพื้นยุโรปสู่อังกฤษ ที่มีแนวโน้มดีกว่า

 

ตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องชี้ที่ส่งสัญญาณการปรับตัวของภาวะเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี

31

ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย หากเริ่มมีความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นแล้ว ความต้องการ หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็มักเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ วิกฤตเศรษฐกิจในรอบนี้แตกต่างจากวิกฤตเมื่อปี 2540 ค่อนข้างมากตรงที่ภาคครัวเรือนไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก ดังนั้น เมื่อเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นก็จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างเร็ว ในทำนองเดียวกันช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวดี ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าใกล้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือไม่ สะท้อนจากราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอัตราเร่ง ซึ่งเราพบว่า หลังจากนั้น 2-3 ไตรมาส ก็มักจะเกิดวิกฤติตามมาดังเหตุการณ์ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจการเงินในเอเชีย วิกฤตในละตินอเมริกา และวิกฤตการเงินของสหรัฐฯ

สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ของไทย เมื่อพิจารณาจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย (HDSI) มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุสำคัญมาจาก 1)ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ หรืออาจเรียกว่าเป็นมาตรการจูงใจด้านภาษี เช่น  การลดค่าธรรมเนียมการโอน ลดค่าจดจำนอง ลดภาษีธุรกิจเฉพาะ รวมทั้งมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2552 2) การออกโปรโมชั่นจูงใจเพื่อเร่งปิดการขายของผู้ประกอบการ 3)แนวโน้มการขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งราคาอสังหาริมทรัพย์ ที่จะได้รับแรงกดดันจากราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน และความต้องการใช้ที่สูงขึ้นในตลาดโลก

แม้ว่า สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ของไทยจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2553 ทำให้ผู้บริโภคที่มีความพร้อม ดัดสินใจซื้อเร็วขึ้น สะท้อนจากปริมาณธุรกรรม และราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ทยอยปรับสูงขึ้น ขณะที่ ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีแผนการขยายการลงทุนเพิ่ม ตอบรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เกิดอุปทานล้นตลาด ผนวกกับความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อในภาคธุรกิจนี้ของสถาบันการเงิน ซึ่งมีบทเรียนจากวิกฤตในปี 2540 ทำให้กำลังซื้อไม่ปรับเพิ่มในอัตราเร่ง

เรียนรู้การลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

นักลงทุนที่มีเงินลงทุนไม่กี่หมื่น กี่แสนบาท ก็สามารถเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อะไรสักอย่างได้แล้ว นั่นคือ การลงทุนผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นกองทุนรวมชนิดหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวและน่าสนใจ และถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของพอร์ตลงทุน ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของกองทุนที่เปิดขายใหม่ได้ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือธนาคารพาณิชย์ที่เปิดขายกองทุนออกใหม่เป็นครั้งคราว แต่หากเป็นกองทุนที่ปิดการขายไปแล้ว ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้นตัวหนึ่งด้วยวิธีเดียวกันกับการซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ “Freehold” และ “Leasehold”

1. กองทุนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นมาเป็นกรรมสิทธิ์ หรือ Freehold คือ กองทุนซื้อและได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ ซึ่งรายได้ของกองทุนรวมจะมาจากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ และนำรายได้จากการปล่อยเช่าพื้นที่มาจ่ายเป็นเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุน และรายได้จากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เมื่อเลิกกองทุน ดังนั้น หากมูลค่าการขายสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนถือกรรมสิทธิ์อยู่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่าตอนที่กองทุนเข้าไปซื้อในตอนแรกมูลค่าหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนจะได้รับคืนจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย เท่ากับว่าจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปกำไรที่เกิดจากส่วนต่างของราคาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (Capital gain) ด้วยอีกทางหนึ่ง

2.กองทุนที่ลงทุนในสิทธิการเช่าของอสังหาริมทรัพย์ หรือ Leasehold คือ กองทุนไม่ได้ซื้อตัวอสังหาริมทรัพย์แต่ซื้อสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ จึงไม่มีกรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุน จะมีเพียงสิทธิในการนำอสังหาริมทรัพย์นั้นไปหาผลตอบแทนในช่วงระยะเวลาของสัญญาเช่า เช่น 20 ปี 30 ปี ซึ่งถ้าครบกำหนดสัญญาเช่าก็ต้องคืนอสังหาริมทรัพย์ให้เจ้าของ ดังนั้น เมื่อหมดอายุสัญญาเช่าแล้ว มูลค่าหน่วยลงทุนก็จะเป็นศูนย์ ดังนั้น กองทุนจะได้รับรายได้ค่าเช่าในช่วงที่อยู่ในระยะเวลาสิทธิการเช่าเท่านั้น ซึ่งผลตอบแทนหลักที่ผู้ลงทุนจะได้นั้นจะมาจากเงินปันผลที่กองทุนนั้นๆได้จ่ายออกมา อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนอาจได้กำไรจากการขายหน่วยลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกันหากกองทุนนั้นๆ มีราคาสูงขึ้น

วิธีการซื้อคอนโดในประเทศไทย สำหรับชาวต่างชาติ

เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามสำหรับชาวต่างชาติกับที่ดินของตัวเอง, ซื้อห้องชุดได้กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจจะได้มาซึ่งความเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย. จะได้รับมากยิ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากกฎหมายคนเข้าเมืองได้รับการแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อเร็ว ๆ นี้จะนำเสนอความเป็นไปได้สำหรับชาวต่างชาติที่ซื้อห้องชุดมูลค่าขั้นต่ำของ 10 ล้านบาทในการขอวีซ่าการลงทุน

กฎระเบียบในการซื้อห้องชุดโดยชาวต่างชาติเป็น constraining แน่นอนน้อยให้พวกเขาตกอยู่ในหนึ่งในสามประเภทดังต่อไปนี้:

(1) คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ถาวรในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการตรวจคนเข้าเมือง;
(2) คนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน (คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน);
(3) คนต่างด้าวที่นำเงินตราต่างประเทศมาในราชอาณาจักรหรือถอนเงินจากบัญชีเงินบาทของถิ่นที่อยู่นอกหรือจากบัญชีสกุลเงินต่างประเทศเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะของการซื้อห้องชุดใด.

ประเภทที่สามเป็นจริงแก้ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดตามด้วยชาวต่างชาติที่จะได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในห้องชุดในประเทศไทย. ในการนี้, การโอนเงินจะต้องทำเฉพาะในสกุลเงินต่างประเทศจากหรือไปยังบัญชีธนาคารส่วนบุคคลของผู้ซื้อ. นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องใช้เพื่อแจ้งไปยังธนาคารที่วัตถุประสงค์ในการโอนดังกล่าวเป็นไปได้ในการซื้อห้องชุด

ในทางปฏิบัติ, แบบฟอร์มการโอนเฉพาะ, จึงเรียกว่า “แบบฟอร์มการทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ”, จะต้องได้รับจากธนาคารในประเทศของผู้รับ (I. ผู้ซื้อหรือผู้ขาย) เพื่อพิสูจน์การโอนเงินตราต่างประเทศสำหรับมูลค่าเทียบเท่าในห้องชุดให้กรมที่ดิน.

ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด, แต่ชาวต่างชาติที่จะได้รับสิทธิในการเป็นเจ้าของอาคารคอนโดมิเนียมในสัดส่วนสูงสุดของ 49 % ของพื้นที่ทั้งหมดของทุกหน่วยในอาคารชุดดังกล่าวในเวลาการขอจดทะเบียนอาคารชุดจะถูกยื่น.

จะทราบอย่างชัดเจนที่จะใช้มาตรการระมัดระวังก่อนการซื้อห้องชุดใด ๆ ในประเทศไทย, เช่นการแสดงความขยันเนื่องจากการตรวจสอบโฉนดที่ดินตรวจสอบความถูกต้องและไม่ว่าทรัพย์สินจะอยู่ภายใต้ภาระผูกพันใด ๆ. มันจะคุ้มค่านอกจากนี้ยังตรวจทานบทบัญญัติของสัญญาการขายในมุมมองของความเข้าใจซึ่งกันและกันของบุคคล.

ในที่สุด, ผลภาษีเป็นปัจจัยที่จะพิจารณาต่อไปในประเภทของรายการนี้. การจัดซื้ออาคารชุดพักอาศัยในประเทศไทยสามารถจะทำให้การลงทุนที่น่าสนใจ, ที่ให้คำปรึกษาก่อนที่ของที่ปรึกษากฎหมายสามารถป้องกันไว้ก่อนที่มีค่า

อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการลงทุนในเศรษฐกิจไทย

5

ภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการลงทุนในเศรษฐกิจไทย โดยคิดเป็นมูลค่าสูงถึงกว่า 322,300 ล้านบาท และมีสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมจริง (Real GDP) คิดเป็นประมาณร้อยละ 3.8 และร้อยละ 2.4 ตามลำดับ ณ ปี 2549 นอกจากนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างยังถือเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่อง (Linkage Industries) ที่มีความเชื่อมโยงถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนศักยภาพการผลิตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว  ทั้งนี้ ภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างของประเทศไทยได้ประสบปัญหาชะลอตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปี 2549 เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ เช่น ความไม่แน่นอนทางการเมือง อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง และภาวะราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์เครื่องชี้เศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างล่าสุด พบว่า ภาวะภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างของไทยเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2/2550 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนของภาครัฐ เป็นสำคัญ

ปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างในระยะต่อไป ได้แก่ 1) ทิศทางการเมืองที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นแก่การใช้จ่ายของนักลงทุนและประชาชน 2) การดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลในปีงบประมาณ 2551 และเพิ่มการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะในโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดโครงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการรัฐบาล สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวได้ล่าช้ากว่าคาดการณ์ ได้แก่ 1) ความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากปัจจัยลบต่างๆ เช่น แนวโน้มราคาน้ำมันและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และ 2) แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจปรับตัวสูงขึ้นตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

ตั้งแต่ปี 2549 ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 1/2550 ที่ผ่านมา ภาคอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้างของไทยประสบปัญหาภาวะชะลอตัวมาตลอด โดยจะเห็นได้ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคการก่อสร้างขยายตัวในอัตราที่ชะลออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3/2550 ภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัว โดยมีปัจจัยบวกจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนมีความมั่นใจในเศรษฐกิจมากขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ มาตรการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล และงบประมาณในส่วนขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้ส่งผลให้การก่อสร้างปรับตัวดีขึ้น

การวิจัยโอกาสอสังหาริมทรัพย์ไทยก้าวใหม่สู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน

ในปี 2558 ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็น AEC จะมีการเคลื่อนย้ายสินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานมีฝีมืออย่างเสรี หากเปรียบเทียบในแง่ของตลาดที่อยู่อาศัย ก็คือ จากตลาดเดิมของประเทศไทยที่มีประชากรรวม 65 ล้านคน ก็จะกลายเป็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับอาเซียน ที่มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 600 ล้านคน คำถาม คือ ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยจะสามารถสร้างโอกาสจากการเกิดขึ้นของ AEC นี้อย่างไร

ประเด็นแรก คิดว่าการที่ผู้ประกอบการไทยจะเข้าไปบุกตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศอาเซียนได้อาจเป็นเรื่องค่อนข้างท้าทายในระยะสั้น เพราะหัวใจหลักของธุรกิจที่อยู่อาศัยเป็นเรื่องของ Location ยกตัวอย่าง หากผู้ประกอบการที่แต่เดิมทำตลาดที่อยู่อาศัยเฉพาะในกรุงเทพฯ คิดจะไปทำตลาดในต่างจังหวัด ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัย Local Partner ในเรื่องของการหาทำเล ดังนั้น หากมองในแง่ของตลาดต่างประเทศ จึงน่าจะยากกว่าตลาดในประเทศมากขึ้นไปอีก รวมถึงเรื่องของกฎระเบียบของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ขณะที่ธุรกิจที่อยู่อาศัย มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นกับว่าเมื่อเกิด AEC จะมีการ ลดกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค หรือมีการปรับกฎระเบียบต่างๆ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันมากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้ ระดับเศรษฐกิจ รายได้ ที่ต่างกันย่อมทำให้พฤติกรรมการอยู่อาศัยในประเทศต่างๆ แตกต่างกันด้วย ปัจจัยเหล่านี้จึงสร้าง Barriers to Entry โดยธรรมชาติในการที่บริษัทไทยจะเข้าไปแข่งขันกับผู้ประกอบการท้องถิ่น (Local Developers) ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในระยะปานกลางถึงระยะยาว ดิฉันคิดว่าการทำธุรกิจที่อยู่อาศัยในอาเซียนน่าจะเป็นโอกาสที่เป็นไปได้ โดยเฉพาะในแง่ของการพัฒนาแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ กับนักลงทุนจากประเทศสมาชิกอื่นๆ และการขยายธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอัตราความต้องการที่อยู่อาศัยสูงกว่าบ้านเรา

ดังนั้น โอกาสหนึ่งที่เป็นไปได้ในอนาคต คือ การจ้างสถาปนิกชาวต่างชาติที่มีความรู้ ความเข้าใจ และคุ้นเคยกับพฤติกรรมการอยู่อาศัยและ Lifestyle ของชาวต่างชาติเข้ามาเป็นผู้ออกแบบได้เพิ่มมากขึ้น เพราะสิ่งหนึ่งที่น่าจะเกิดขึ้นต่อไปหลังการเปิด AEC คือ การจัดทำ ASEAN Business Card เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่นักธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบวิชาชีพ แรงงานฝีมือ และผู้มีความสามารถพิเศษ ซึ่งรวมถึงกลุ่มวิชาชีพสถาปนิกแต่ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไทยก็ต้องเรียนรู้และพัฒนาเพื่อทำความเข้าใจตลาดควบคู่กันไปด้วย เพราะสุดท้ายแล้วผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้บริหารต้องทาหน้าที่ตัดสินใจรายละเอียดต่างๆ ทั้งในเรื่องของทำเล Product การทำตลาด การกำหนดราคา ดังนั้น การเร่งปรับตัวศึกษาหาข้อมูลต่างๆ การเรียนรู้เศรษฐกิจ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และคำนิยม ความคิดของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเตรียมความพร้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญ

การวิจัยและวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

งานบริการงานวิจัยนำเสนอข้อมูลและผลวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานะและแนวโน้มในภาคเศรษฐกิจ การเงินและอสังหาริมทรัพย์ บริษัทของเรามีฐานข้อมูลที่ครบครัน มีความรู้ทางการตลาดและมีความเชี่ยวชาญในการประเมินแนวโน้มที่น่าเชื่อถือและทันต่อสถานการณ์เกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

ทีมวิจัยทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมตัวแทนของเราที่ใหญ่สุดในประเทศไทย ช่วยให้ความรู้และข้อมูลที่แม่นยำเพื่อการตัดสินใจในการดำเนินการต่างๆ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย นอกเหนือจากข้อมูลที่ได้จากการดำเนินธุรกรรมที่มากที่สุดในตลาดของไทยแล้วทีมวิจัยของเรายังได้ลงพื้นที่สำรวจซึ่งเมื่อรวมกับข้อมูลที่ได้จากตัวแทนทั้งภาครัฐและเอกชนทำให้สามารถทำการศึกษาตลาดทั้งหมดได้และทำการคาดการณ์ความเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ ในการตัดสินใจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ของสถาบันทางการเงินขนาดใหญ่ ผู้พัฒนาและประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ผู้เป็นเจ้าของร่วม นักลงทุนและกองทุน มีพื้นฐานมาจากงานวิจัยและสถิติทางการตลาดที่ได้รับคำแนะนำจากบริการ การวิจัยตลาด

นอกจากนั้นแล้ว การที่เป็นผู้นำข่าวสารในตลาดและเป็นผู้กำหนดทิศทางของภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย งานบริการงานวิจัย ยังทำการเก็บข้อมูลและตีพิมพ์งานวิจัยออกไปยังภาคส่วนอื่นตั้งแต่ระดับภูมิภาคจนถึงระดับโลก
1. รายงานสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานคร
รายงานสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครซึ่งนับเข้าสู่ปีที่ 17 ถือเป็นเอกสารงานวิจัยหลักที่ตีพิมพ์รายไตรมาส โดยมีข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบมาอย่างดีและมีฐานข้อมูลที่ได้รับการยอมรับจากภาคอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานคร
2. รายงานสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต
รายงานสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเป็นเอกสารงานวิจัยที่ตีพิมพ์ตามไตรมาสล่าสุดภายใต้งานบริการงานวิจัย เพื่อให้เกิดรูปแบบการวิเคราะห์แบบมืออาชีพและความโปร่งใสในการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตซึ่งสามารถก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยได้สูงที่สุด จากการที่มีความชัดเจนโดยเฉพาะในเรื่องของความรวดเร็วและจำนวนการขายของอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ รายงานให้ข้อมูลและผลวิเคราะห์เชิงลึกจากฐานข้อมูลในประทศรวมกับการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ตลอดจนข้อมูลล่าสุดที่ได้รับจากตัวแทนทั้งภาครัฐและเอกชน

งานบริการงานวิจัย อ้างอิงอยู่กับข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่น่าเชื่อถือ ข้อมูลและผลวิเคราะห์ของตลาดโดยสื่อทั้งในและต่างประเทศ เรามีความทุ่มเท ยังคงความเป็นผู้นำในตลาดข้อมูลเกี่ยวกับตลาดอสังหาริมทรัพย์และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย

การศึกษาวิจัยที่จะสามารถกระตุ้นด้านตลาดที่อยู่อาศัย

ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจและสภาวะการเมืองในปัจจุบัน อาจจะมีผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนประการหนึ่งต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่การชะลอการลงทุนของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จะช่วยลดภาวะความเสี่ยงของปัญหาอุปทานที่อยู่อาศัยล้นตลาดในระดับหนึ่ง สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2557 คาดว่าจะชะลอตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากปัจจัยลบรุมเร้านานัปการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นได้จากเครื่องชี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะหดตัวลง อย่างไรก็ดีเครื่องชี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่หดตัวลงนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชะลอการเปิดโครงการใหม่ของผู้ประกอบการ ซึ่งแม้ว่าอาจจะส่งผลกระทบในระยะสั้นต่อแนวโน้มผลประกอบการทางธุรกิจ

ธุรกิจด้านที่อยู่อาศัยที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมากมาย

โดยเฉพาะนักลงทุนชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อเพื่อเก็งกำไรกันเป็นจำนวนมาก ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้นได้ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของตลาดมีมากขึ้น ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ประกอบการก็เร่งเปิดตัวโครงการ ทำให้มีสินค้าในตลาดให้เลือกหลากหลาย ถือเป็นส่วนหนึ่งช่วยกระตุ้นแรงซื้อเพิ่ม อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางของเศรษฐกิจในประเทศ โดยไม่ต้องมีมาตรการพิเศษเข้ามากระตุ้น เพราะส่วนหนึ่งจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินที่ไหลเข้าในตลาดทุนมากขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากนักลงทุนให้ความมั่นใจและเริ่มทยอยกลับเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น

ธุรกิจด้านที่อยู่อาศัยปี 2557

คาดว่าจะเติบโตปานกลาง ยอดขายไม่ขยายตัวเท่ากับปี 2556 แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจอาจจะดีขึ้น เนื่องจากยอดขายของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในปี 2556 เติบโตมาก สิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวัง คือ ปัญหาหนี้ที่ไม่ให้ก่อให้เกิดรายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลังจากนี้ เนื่องจากผู้บริโภคมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนสูงขึ้น อย่างไรก็ดีหลักในการดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ที่สำคัญ คือ คุณภาพสินค้า คุณภาพบริการก่อนขายและหลังการขาย และระยะเวลาที่ได้สัญญากับลูกค้าจะเป็นเครื่องมือชี้วัด

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในบางพื้นที่กำลังเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างเร่งเปิดโครงการใหม่ ในช่วงจังหวะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโต และการเร่งเปิดโครงการกันอย่างเข้มข้นดังกล่าว ได้กลับมามีส่วนในการผลักดันราคาที่ดินและต้นทุนการประกอบธุรกิจให้เร่งตัวขึ้น และผลักดันให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะทำให้อำนาจการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคลดลง ขณะเดียวกันภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่เผชิญความเสี่ยงสูงขึ้นจากเหตุการณ์ทางการเมืองและทิศทางเศรษฐกิจ สถาบันการเงินจึงให้ความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อทั้งที่ให้แก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และผู้บริโภค

การวิเคราะห์และวิจัยทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเป็นที่แพร่หลาย

467644
อสังหาริมทรัพย์กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง และมีแนวโน้มที่ตลาดจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดกลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่ที่ต้องการเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น แต่ปัญหาใหญ่ก็คือการขาดความรู้และความเข้าใจในกระบวนการดำเนินงานเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเชิงพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์ด้านอุตสาหกรรม เช่น โรงแรมและธุรกิจร้านอาหาร การช้อปปิ้ง อาหาร และธุรกิจวัสดุก่อสร้างและอื่นๆ

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีทั้งศาสตร์และศิลปะ

ทั้งในแง่ของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก การก่อสร้างที่ต้องมีรูปแบบนวัตกรรมใหม่ๆ ภาษี การตลาด แรงงาน เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันนักลงทุนได้ขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยเพื่อขายจำนวนมาก ประกอบกับความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการตอบสนองความต้องการเฉพาะของทั้งตลาดเดิมและตลาดที่เกิดขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็นผลจากโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงไป ล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการได้

จากการวิเคราะห์พบว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเงินซื้อที่อยู่อาศัยหนึ่งๆได้มากขึ้น ในขณะที่แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นกลับได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจระดับมหภาคตามปกติทั่วไป อันได้แก่ อัตราการเติบโตของ GDP ความต้องการภายในประเทศ ราคาน้ำมันและเงินเฟ้อ และความมั่นใจของผู้บริโภค โดยแม้จะมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ แต่มุมมองของเราต่อแนวโน้มระยะสั้นก็ยังเป็นไปในทางบวกอยู่ โดยเฉพาะในตลาดระดับกลาง แต่เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคนั้นเปลี่ยนแปลงเร็ว และยากต่อการคาดการณ์ด้วยความแม่นยำสูง แนวโน้มในระยะสั้นจึงยังคงมี

การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ให้มีกำไรสูงสุด

1. Location คือ เลือกทำเลที่ดีที่สุด ที่หาซื้อได้ไม่ง่าย ทำเลทองที่เป็นที่ต้องการของตลาด
2. Supply limit คือ หากทำเลที่เลือกลงทุนมีความต้องการขายที่ิดินหรืออสังหาริมทรัยพ์จำกัด ซึ่งอาจจะมาจากความจำกัดของทำเล
3. มีตลาดผู้เช่า คือ ทำเลที่เลือกลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต้องมีตลาดของผู้เช่าอยู่แล้ว
4. Product design คือ การเลือกดีไซน์ของอสังหาริมทรัพย์ที่ดูโดดเด่น ดึงดูดผู้เช่าหรือผู้ซื้อให้ได้มากที่สุด

การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของเหล่าดารานักแสดงผู้มีชื่อเสียงของฮ่องกง

5

อัตราการเสียอากรแสตมป์ 15% สำหรับผู้ซื้อต่างชาติที่ออกโดยรัฐบาลฮ่องกงเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และการเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อต้นปีได้กีดกันชาวจีนที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มในอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง ในขณะที่เงินลงทุนในอสังหาฯ ของฮ่องกงเกือบ 60% มาจากผู้ซื้อจากจีนแผ่นดินใหญ่ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2011แต่ในไตรมาสแรกของปีนี้สัดส่วนของเม็ดเงินลงทุนจากชาวจีนนั้นลดลงถึง 8.4% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาอสังหาฯ ในฮ่องกงนั้นปรับเพิ่มขึ้นกว่า 120% นับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งราคาที่ลอยตัวนี้ไม่ได้เกิดจากการทะลักเข้ามาของเม็ดเงินจากนักลงทุนชาวจีนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยต่ำปลอมๆ ที่เป็นผลมาจากค่าเงินดอลล่าของฮ่องกงที่ผูกกับค่าเงินดอลล่าของสหรัฐฯ และภาวะขาดแคลนบ้านอีกด้วย

ทั้งนี้รายงานของสำนักจดทะเบียนที่ดินฮ่องกงได้เปิดเผยว่าราคาอสังหาฯ ในฮ่องกงนั้นไม่ได้ลดลง แต่จำนวนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์กลับลดลงถึง 54% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ทั้งนี้เม็ดเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็ลดลงถึง 52.4% จาก 65.3 พันล้านดอลล่าฮ่องกงเหลือเพียง 31.1 พันล้านดอลล่าฮ่องกง โดยโบรกเกอร์ในฮ่องกงที่ได้รับผลกระทบจากภาวะธุรกิจซบเซา อันเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาอากรแสตมป์ ต่างออกมาประท้วงให้ยกเลิกการใช้อากรแสตมป์ ซึ่งในระหว่างนั้นนักลงทุนชาวจีนก็หันไปลงทุนในนิวยอร์ค และลอนดอนแทนเสียแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีนายหน้าต่างชาติ หรือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติที่มักมาโปรโมทธุรกิจในงานแสดงที่จัดขึ้นในโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ฮ่องกงเกือบจะทุกสัปดาห์ นายอภิชาติ จูตระกูล ซีอีโอของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างแสนสิริได้ให้สัมภาษณ์กับ ไฟแนนเชียล ไทมส์ ที่งานแสดงที่ฮ่องกงว่า เราเล็งเห็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติจากกลุ่มผู้ซื้อชาวจีน โดยในปีที่แล้วมีชาวจีนมาเที่ยวเมืองไทยกว่า 2.7 ล้านคน และก็มีแนวโน้มว่าจะมีมากขึ้นในปีนี้ ผมก็ได้แต่หวังว่าเศรษฐีจีนบางรายจะซื้อคอนโดในภูเก็ต เหมือนๆ กับที่เศรษฐีฮ่องกงหลายคนซื้อกัน

พลอยนุ่น นักแวดงซุปตาร์ว่าที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์

noo600

“ดารา-นักแสดง” เป็นอาชีพที่ไม่แน่นอน เงินทองได้มาเร็ว ไปเร็ว มักไม่ค่อยเห็นค่า กว่าจะรู้ตัวอีกตัว ผ่านไป 10 ปี ก็ช่วงขาลงซะแล้ว ดังนั้น ดารานักแสดงยุคใหม่ที่มีวิสัยทัศน์และมองการณ์ไกลมักมีความสุขกับการทำเงินให้งอกเงย ด้วยการเลือกลงทุน ฝากเงินในธนาคาร หรือซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อเก็งกำไร บางคนรอบคอบขนาดต้องมีที่ปรึกษาด้านการลงทุนกันเลยทีเดียว เพื่อการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด ยิ่งช่วงนี้มีการลงทุนหลากหลายรูปแบบ ทั้งนำเงินไปเล่นหุ้น ลงทุนในทองคำที่มีความเสี่ยงน้อย

ปัจจุบันดารารุ่นใหม่ๆ มีมุมมองต่อโลกมากขึ้น มีความทันสนมัย เริ่มลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น ซื้อคอนโดมิเนียม เริ่มบริหารเงินตั้งแต่วันนี้ พออายุ 40 ปี ก็จะมีเงินและสินทรัพย์มากมาย ยิ่งเป็นคนรุ่นใหม่ มีช่องทางเก็บเงินเยอะมาก โดยเฉพาะดาราสมัยนี้ตื่นตัวด้านการออมกันมาก ที่ปรึกษาด้านการลงทุนให้ทัศนะลองไปดูสไตล์การเก็บเงินและวิธีทำเงินให้งอกเงยของเหล่านักแสดงระดับซุป’ตาร์เมืองไทย นักแสดงหญิงที่ได้ตำแหน่งนักแสดงที่มีค่าตัวแพงที่สุดติดอันดับ 2 ใน 10 ได้แก่ พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ และคุณนาย นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี

กว่าจะเป็นซุป’ตาร์ไม่ใช่เรื่องง่าย
หลายคนให้ฉายานักแสดงสาว “พลอย” ว่าเป็นซุป’ตาร์ขาวีน ความที่เธอเป็นคนตรง ทำงานทุ่มเท ผลงานด้านการแสดงก็แซ่บเว่อร์ ฝีไม้ลายมือด้านการแสดงเกินร้อย จนเธอสามารถครองระดับค่าตัวในการเล่นละครต่อตอนถึงประมาณ 7.5 หมื่นบาทต่อตอน ค่าตัวออกงานอีเวนต์เฉลี่ย 1 แสนบาทขาดตัวต่อครั้ง ค่าถ่ายโฆษณาและพรีเซนเตอร์ประมาณ 6.5 ล้านบาทต่อชิ้น ถึงกระนั้นพลอยก็ปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่ซุป’ตาร์ แม้จะโลดแล่นในวงการบันเทิงนานถึง 17 ปีแล้วก็ตาม ปัจจุบันเธอมีผลงานเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณามากถึง 8 ชิ้นทีเดียว ซื้อคอนโดมิเนียมที่สุขุมวิท 24 เก็บเอาไว้ ทั้งให้เช่าต่อได้และอยู่เองก็ได้ ตอนนี้กำไร 5 ล้านบาท ครอบครัวพลอยมีอพาร์ตเมนต์ที่สุขุมวิท 22 แต่ตอนนี้รอลงทุนด้วยการรีโนเวตใหม่ทั้งหมด

ซุปตาร์ติดอันดับค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับ 6 นุ่น วรนุช ค่าตัวในการเล่นละครประมาณ 8 หมื่นบาทต่อตอน ค่าตัวในการปรากฏกายในงานอีเวนต์ประมาณ 9 หมื่นบาทต่อครั้ง และค่าถ่ายโฆษณาและพรีเซนเตอร์สินค้าประมาณ 5.5 ล้านบาทต่อชิ้น นอกจากอาชีพนักแสดงที่หายไปพักหนึ่ง เธอยังมีธุรกิจที่ต้องดูแล ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปได้ดี การเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวครั้งแรกเกิดจากความชอบ จึงเปิดโรงเรียนนาฏศิลป์ แม้เป็นธุรกิจเล็กแต่ก็ทำได้เรื่อยๆ สำหรับธุรกิจคอนโดมิเนียมก็ประสบความสำเร็จ แม้ก่อนหน้านี้จะไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจคอนโดมิเนียมเลยก็ตาม การเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหม่ มีข้อเสียเปรียบผู้ประกอบการรายใหญ่ในเรื่องของแบรนด์ ดังนั้น เธอจึงชูจุดขายในเรื่องการสร้างเสร็จก่อนขาย เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นของจริงว่าโครงการสามารถพัฒนาไปได้ดี และที่ผ่านมาเมื่อลูกค้าเห็นห้องตัวอย่างจะตัดสินใจซื้อทันที

ในอนาคตหากมีโอกาสพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจเป็น 2 ปีต่อโครงการ โดยเน้นโครงการเล็กๆ ก่อน ขณะนี้นุ่นได้มองหาที่ดินย่านบางบัวทองและลำลูกกา คลอง 1-2 เอาไว้ ซึ่งจะใช้ที่ดินประมาณ 1-2 ไร่ครึ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา และคงเป็นการใช้แบรนด์ใหม่ แต่ขออุบไว้ก่อน

การใช้ดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์กับธุรกิจอสังหาฯเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค

การเลือกใช้บุคคลมาสร้างแบรนด์ให้กับสินค้าและบริการไม่ได้จำกัดอยู่แค่ดาราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป การเลือกใช้บุคคลเป็นตัวแทนให้กับแบรนด์ย่อมมีทั้งคุณและโทษ หากยึดถือกับตัว Endorsers มากเกินไปจะมีความเสี่ยงมาก โดยกลไกลการเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์จึงต้องคำนึงถึงเรื่องของการบริหารแบรนด์เป็นสำคัญ กลยุทธ์ดังกล่าวทำให้แบรนด์สามารถสร้างการรับรู้ต่อตัวผู้บริโภคได้ต่อเนื่อง ใครดังก็มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แบรนด์ไม่ต้องไปขึ้นกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่แบรนด์ไหนจะเลือกทำเช่นนี้ได้ ต้องเป็นสินค้าระดับ Mass ที่มีงบการตลาดมากพอ

การเลือกพรีเซ็นเตอร์จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวสินค้า

ส่วนที่มีความแตกต่าง คือ รูปแบบ วิธีการ ของเรื่องราวที่จะนำเสนอ ซึ่งขึ้นอยู่กับคอนเซ็ปต์ของเจ้าของสินค้าแต่ละรายวงการอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน ช่วงหลังผู้ประกอบการหันมาใช้บริการพรีเซ็นเตอร์ดึงดูดใจผู้บริโภคกันมากขึ้น เป้าหมายก็เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวสินค้า และผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้า เพราะมองว่าพรีเซ็นเตอร์คือหนึ่งในเครื่องมือที่จะสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายที่สุด เนื่องจากพรีเซ็นเตอร์มีส่วนมากๆต่องานขาย หากคุณต้องการกระตุ้นความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย มันเหมือนกับว่าแทนที่จะไปเสนอขายบ้านกับลูกค้าตรงๆ เราก็ให้เขารู้จักสินค้าเราผ่านพรีเซ็นเตอร์แทน วิธีการนี้จะทำให้เขาเข้าใจได้ง่ายขึ้น

กลยุทธ์การตลาดในลักษณะนี้สำหรับธุรกิจอสังหาฯแล้วไม่ได้เป็นสูตรตายตัวที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการขาย เนื่องจากสินค้าประเภทบ้านเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงซื้อขายเปลี่ยนมือได้ยาก ต่างไปจากสินค้าที่ขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ดังนั้น การเลือกบุคคลที่จะมาเป็นตัวแทนจำเป็นต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน และไม่สามารถเปลี่ยนได้บ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ ที่สำคัญวิธีการแบบนี้เมื่อนำมาใช้กับธุรกิจอสังหาฯจะช่วยได้แค่การกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภคเท่านั้น ซึ่งการวางแผนมีเดียเป็นอีกกลไกที่สร้างความรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้ วิธีนี้จะสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ละครและโฆษณาจะช่วยซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน สร้างแรงกระตุ้นให้กับคนดูอยากใช้สินค้าโดยไม่สิ้นเปลืองงบแบบหว่านไปทั่ว

การพิจารณาเลือกใช้บุคคลสร้างแบรนด์อสังหาริมทรัพย์

1.คนดัง เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย หรือสินค้าหรือไม่
2.ต้นทุนหรืองบประมาณ มากพอจะใช้คนดังหรือไม่ เพราะดาราบางคนค่าตัว 5-10 ล้านบาท
3.ความง่ายและยากในการใช้ ต้องไม่มีบุคลิกคุยด้วยยากหรือเงียบเกินไปก็อาจส่งผลกระทบได้ เพราะการใช้พรีเซ็นเตอร์ยุคนี้ให้ได้ผลจะต้องร่วมออกงานอีเวนต์ด้วย แม้ส่วนใหญ่จะมีการเซ็นสัญญาครอบคลุมเรื่องเหล่านี้ก็ตาม แต่หากดาราบุคลิกที่ยากต่อการใช้งานก็จะส่งผลกระทบต่อสินค้าได้
4.ช้ำหรือยัง ต้องไม่เห็นจนน่าเบื่อ
5.ชีวิตความเป็นอยู่ เช่น มีแนวโน้มจะเสพยาเสพติดหรือไม่ เปลี่ยนคนรักบ่อย มีปัญหาในการวางตัว
6.ความน่าเชื่อถือ

นักแสดงกับการผันตัวมาเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

building 3

นอกจากนักแสดงจะทำงานในวงการบันเทิงแล้ว และปัจจุบันนี้ก็มีนักแดงหลายคนหันหน้ามาทำงานทางด้านธุรกิจ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่ให้การตอบรับเป็นอย่างมาก เป็นธุรกิจที่กำลังรุ่ง

อสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องของทุกคน เพราะทุกคนครอบครองทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นนาแล้ง จนถึงคฤหาสน์ใหญ่โตต่างกันเพียงมูลค่าทั้งสิ้น ทุกคนจึงควรรู้จักอสังหาริมทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ มีความสำคัญกับชีวิตของคนเรา ไม่ว่าจะเป็น “บ้าน” ในฐานะที่อยู่อาศัย “ไร่-นา” ในฐานะปัจจัยการผลิต “แฟลต” ในฐานะเครื่องมือสร้างรายได้ ฯลฯ เราจึงควรรู้จักอสังหาริมทรัพย์กันให้ชัดเจน ราคาอสังหาริมทรัพย์นั้นขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ ในยามเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาอสังหาริมทรัพย์ก็ตกต่ำไปด้วย แต่ในยามตกต่ำ เราอาจเคยได้ยินมีผู้เสนอว่า เราควรส่งเสริมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เกิดมีงานทำและฟื้นฟูเศรษฐกิจในที่สุด

การเติบโตที่ดีของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และหลายครั้งอีกเช่นกันที่ ปัญหาฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สร้างวิกฤติเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2557 เป็นอีกปีหนึ่งที่มีความท้าทายสูงมาก โดยหลายฝ่ายได้ออกมาคาดการณ์ว่าปีนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ มีอัตราการขยายตัวไม่มาก เมื่อเทียบกับปี 2556 ที่เติบโต 7% ด้วยมีหลากหลายด้านปัจจัยลบ ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแบบเปราะบาง ภาระหนี้สินครัวเรือน ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของภาคอสังหาฯ ผนวกกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน ผู้รับเหมา ยังคงเป็นวิกฤติต่อเนื่องต่อการเติบโตของภาคอสังหาฯ ขณะที่ปัจจัยบวก มีเพียงอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะทรงตัว และการขยายการลงทุนของต่างชาติ ซึ่งปี 2557 เสมือนเป็นปีแห่งซ้อมใหญ่ของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปลายปี 2558 ที่จะผลักดันให้เกิดการลงทุนของต่างชาติอย่างเป็นรูปธรรม

ประเภทที่อยู่อาศัยในปี 2557 แนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียม จะยังคงเติบโตเป็นผู้นำตลาดเช่นเดิม ครองส่วนแบ่งในตลาดคิดเป็น 55% แต่ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตลดลง เนื่องจากโครงการระดับกลาง-ล่าง มีการเปิดตัวมากกว่าปี 2556 ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย ปรับแผนธุรกิจมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมราคาถูกมากขึ้น ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน คาดว่ายังคงได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ

เพราะฉะนั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญ มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีมูลค่าตลาดมหาศาลธุรกิจนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับวิวัฒนาการทางสังคมและเศรษฐกิจ จึงทำให้ดารานักแสดงหลายๆคนหันมาสนใจในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์